Project: Love Out Loud - Diversity, Equity and Inclusion in the workplace
Period: June 3, 2022
Language: English
Host: Marriott International
Area: DE&I, Inclusive workplace Gender Equality
Photo credit thaich.net
เมื่อวานมีหลายอารมณ์ ความรู้สึก และการตกผลึกครั้งสำคัญ
ตอนขึ้นเวที ตั้งใจมาด้วย message เดียวคือ #leadership เพราะมันคือความเชื่อ ศรัทธา และการเดินทางที่มีความหมาย ที่ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตพิสูจน์มันกว่าจะถึงวันนี้ การที่ทรานส์หรือคนที่รู้สึกโดดเดี่ยว ถูกตัดสิน บุลลี่ กีดกัน สุดท้ายแล้วพลังของการนำตัวเองขึ้นมาต่อสู้ ไม่ยอมเป็นเหยื่อ ดึงให้ตัวเองหลุดจากบ่วงเหล่านั้นมันสำคัญกว่าพลังการปลอบประโลมจากคนอื่นใดทั้งปวง พลัง leader ในตัวเองจะทำให้เรารับฟัง เข้าใจ โอบกอด และแคร์คนที่อยู่ข้างในมากที่สุด และเค้าคนนั้นจะเป็นพลังขับเคลื่อนให้เราใช้ชีวิตได้ดีขึ้น และมีความหมายมากขึ้น
- ทรานส์สามารถเป็นผู้นำในศตวรรษที่ 20 ได้เพราะเราคือคนที่ผ่านการอยู่กับคำว่า ไม่ มาตลอดชีวิต เรารู้ว่าเราต้องมีความเห็นอกเห็นใจ มีเหตุผล และมีความจริงแท้ เพราะเราอยู่กับความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเรามาตลอดทุกลมหายใจ เรากล้าหาญและทนทานแค่ไหนถึงเชื่อที่จะเป็นตัวเอง ใช้ชีวิตในเส้นทางตัวเอง กล้าแหวกกรอบโลกขั้วสองเพศ และต่อสู้กับอคติมาตลอดชีวิต พวกเรามันคือคนจริงแห่งศตวรรษที่ 20 !
- เวลาที่ถูกบอกว่า เราไม่น่าเชื่อถือ เราเมายาคุม ก็เป็นสิ่งที่ #คนอื่น บอกเราทั้งนั้น แล้วตัวเราล่ะ จะเชื่อคำคนอื่น หรือเชื่อเนื้อแท้ของเรา จงจัดการอคติแห่งความไม่น่าเชื่อถือเหล่านั้นด้วยความน่าเชื่อถือที่มีของเรา และทำให้คนเหล่านั้นรู้ว่า #ความเมาไม่ได้เหมาว่าเราไม่ฉลาด แต่เพราะเค้าไม่เปิดใจฟังต่างหาก
- ไม่มีเหตุผลใดที่องค์กรจะไม่เปิดใจรับทรานส์ เพราะเรามีคุณสมบัติเเห่งการเป็นทาเลนท์และศักยภาพจะเป็นผู้นำ และเราจะไม่ใช้เหตุผลของการเป็นทรานส์ให้คุณรับเราทำงานหรือนั่งเก้าอี้ผู้บริหาร แต่องค์กรต้องสร้างกติกาแข่งขันที่มันแฟร์ เราก็พร้อมลงสนามพิสูจน์ความสามารถของเราเหมือนกัน
ลงจากเวที มีทั้งคนไทยและต่างชาติ เข้ามาขอบคุณที่ข้อความของเรามันสร้างแรงบันดาลใจ มีคนญี่ปุ่นมาบอกว่านี่คือมิติใหม่ของทรานส์เมืองไทยมาก เค้าซึ้งใจและมีพลังใจมาก ที่ญี่ปุ่นไม่มีทรานส์ที่ทำงานในธุรกิจและออกมาส่งเสียงแบบนี้เลย
ต่อมามีสื่อในงาน มาขอสัมภาษณ์ส่วนตัวต่อ ก็เล่าให้ฟังถึงสิ่งที่เราทำ นักข่าวถามคำถามสำคัญว่า เราคิดว่าการต่อสู้กับอคติในที่ทำงานต่อไปในอนาคตทิศทางจะไปในแนวไหน เรามองว่า เรามั่นใจว่าอีก 10 ปีข้างหน้า ผู้นำรุ่นเก่าเจนเบบี้บูมเมอร์ที่กุมบังเหียนอำนาจในองค์กรธุรกิจกำลังจะหลุดออกไป เราจะมีผู้นำยุคใหม่ที่มีความหลากหลายมากขึ้น มองคนในมิติที่ลึกซึ้งขึ้น และทำหน้าที่ของความเป็นผู้นำสำหรับทุกคนได้เหมาะกับศตวรรษใหม่ได้ชัดเจน จริงใจ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง องค์กรที่ไม่เปิดรับความหลากหลายคุณจะไม่มีที่ยืนในอนาคตเพราะ stakeholders ของธุรกิจคุณทั้งลูกค้า พนักงาน เครือข่ายธุรกิจ ซึ่งเป็นคนรุ่นเจน x y z alpha เค้ายึดถือเรื่องความเท่าเทียมกันหมดแล้ว เราเชื่อแบบนี้เหมือนกับที่บิลเกตหรือสตีฟจ๊อบกำลังบอกคนในยุคของการเกิดขึ้นของคอมพิวเตอร์หรือไอโฟน
การเดินทางของ #ทรานส์ทาเลนท์ ยังอีกยาวไกลแต่ทุกก้าวที่เดินไปเราก็ตั้งใจกับมันทุกครั้ง
Comments